6/09/2556

กระบี่ไม่ใช้ ยังเป็นสนิท จิตใจไม่ขัดเกลาจะเป็นอะไร


มนต์ทั้งหลายมีอันไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน,
เรือนมีความไม่หมั่น เป็นมลทิน,
ความเกียจคร้าน เป็นมลทินของผิวพรรณ,
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา.

วันนี้ เพื่อนผู้ติดตามอ่านบทความผมมา คงคิดว่า โพสต์นี้มาแปลก ขึ้นด้วยหัวข้อธรรมมาเลยทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจครับเป็นความจริง  คือเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วมีพระรูปหนึ่งนามว่า พระโลฬุทายี  ท่านได้เห็นมหาชนพุทธบริษัทเป็นอันมาก ยกย่องพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้า ที่แสดงธรรมได้กินใจ ลึกซึ่งฟังแล้วสบายใจ ท่านก็เลยอยากดังบ้าง บอกกับมหาชนญาติโยมทั้งหลายว่า อย่าเพิ่งยกย่องกันไปมากนัก รอฟังธรรมะจากอาตมาดูก่อน ท่านอาจจะเปลี่ยนใจมาชื่นชมว่า ธรรมะที่อาตมาแสดงมา ยิ่งลึกซึ้งยิ่งกว่า

เมื่อมหาชนญาติโยมทั้งหลาย ได้ยินได้ฟังท่านพูดเช่นนั้น และวันนี้ก็ถึงวันประชุมฟังธรรมพอดี ก็มานิมนต์ท่านเทศน์  พอท่านขึ้นธรรมาสน์ จับตาลบัตรอยู่แค่นั่นแหละ ท่านนึกไม่ออกเลยว่า จะเอาธรรมะข้อไหนมาเทศน์ให้ญาติโยมฟังกันดี แล้วท่านก็บอกกับญาติโยมไปว่า ให้พระรูปอื่นแสดงธรรมกถาไปก่อน อาตมาจะสวดธรรมะ ทำนองสรภัญญะดีกว่า  หลังจากนั้นพอพระรูปอื่นเทศน์เสร็จ ท่านก็ไม่ได้สวดอะไร และบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาเอาไว้เย็นๆ จะดีกว่านะ  พอตอนเย็น ท่านก็บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา เอาเป็นตอนดึกๆ ใกล้เที่ยงคืนอาตมาถึงจะเทศน์ ให้พระรูปอื่นเทศน์ไปก่อน

พอกลางคืน ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายก็มานิมนต์ให้ท่านเทศน์อีก ท่านก็บอกปัดไปว่า ยังไม่สมควรแก่เวลา ดูญาติโยมอ่อนล้า ง่วงเหงาหาวนอน  ให้พระรูปอื่นเทศน์ไปก่อนดีกว่า เอาไว้ใกล้ๆ รุ่งอาตมาจะแสดงธรรมให้ญาติโยมทั้งหลายได้ฟังกันทั่วหน้าเลยทีเดียว

พอใกล้รุ่งเช้า ของวันฟังธรรมซึ่งมีการแสดงธรรมกันมาทั้งคืน ญาติโยมทั้งหลายก็มานิมนต์อาราธนาท่านให้เทศน์ด้วยความตั้งใจอย่างพร้อมเพียง พอท่านขึ้นอาสนะ นั่งจับตาลบัตรอยู่ ก็ได้แต่นั่งสั่นอยู่อย่างเดียว นึกไม่ออก ว่าจะยกข้อธรรมะอะไรดี สมองมีแต่ความว่างเปล่า และได้สารภาพกับญาติโยมทั้งหลายว่า อาตมาเทศน์ไม่เป็นหรอก เอาเป็นว่า อาตมาขออภัยท่านทั้งหลายก็แล้วกัน ญาติโยมได้ยินดังนั้น ก็พากันโกรธ และได้โห่ร้อง หยิบได้หินบ้าง คว้าได้ท่อนไม้บ้าง ปาไปใส่ท่าน และพูดว่า ท่านช่างกล้านัก ยกตัวเองไปเทียบกับพระอัครสาวกเบื้องขวา และเบื้องซ้ายของพระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้พากันไล่ท่านลงจากธรรมาสน์ ท่านโลฬุทายีก็กระโจนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตจนไปถึงหลังวัด และได้พลาดตกลงไปในหลุมส้วมพอดี  และท่านก็ได้หลบอยู่อย่างนั้น นั่นเอง......

พระบรมศาสดา พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสต่อญาติโยมทั้งหลายว่า  ท่านโลฬุทายี เรียนธรรมะมีประมาณน้อยนิด และไม่ได้ทำการท่องจำไว้ด้วย จึงตรัสเป็นพระคาถาว่า

มนต์ทั้งหลายมีอันไม่ท่องบ่น เป็นมลทิน,
เรือนมีความไม่หมั่น เป็นมลทิน,
ความเกียจคร้าน เป็นมลทินของผิวพรรณ,
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา.
 ...............................................

ครับถ้าท่านสนใจอยากจะอ่านให้ละเอียด นิมนต์ท่านไปอ่านได้ที่เว็บ http://palungjit.com มีเรื่องธรรมบทให้ท่านได้อ่านมากมาย ส่วนนี้ผมได้ปรับสำนวนและย่อเพื่อให้กระทัดรัดครับ สรุปเป็นว่า จะเรียน จะทำอะไรก็ทำบ่อยๆ เน้นๆ ย้ำๆ ทุกๆวัน ทุกๆ วิชาที่ชอบก็แล้วกันนะครับ ธรรมะสวัสดีราตรีสวัสดิ์ครับ


ปล. เกือบลืมไปท่านใดสนใจศึกษาธรรมะเป็นภาษาอังกฤษทั้งฟังและทั้งอ่านเข้าเยี่ยมชมศึกษาตามอัธยาศัยได้ที่นี่ครับ https://www.abhayagiri.org/home/
 

ไม่มีความคิดเห็น: